คุณประสงค์ รุ่งสมัยทอง หรือคุณท็อป Trainer โครงการพอแล้วดี The Creator หนุ่มใหญ่ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความรู้สึก (Adviser to CEO for Feelings) บมจ. ธนาคารกสิกรไทย และผู้ก่อตั้งบริษัทรุ่ง (R.U.N.G TEAM)
จากคำเชื้อเชิญของคุณหนุ่ย ดร.ศิริกุล ที่ต้องการให้คุณท๊อปเข้ามาแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ด้านการตลาดให้กับเหล่า Creator ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร มาจากไหน รู้เพียงแต่ว่าตนเชื่อมั่นในตัวคุณหนุ่ยเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่มีโอกาสได้รู้จักกัน รู้สึกได้เลยว่าคุณหนุ่ยนั้นนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสายงานที่ทำแล้ว ยังเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการสืบสานแนวทางของในหลวงในเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตัวคุณท๊อปเองก็ได้รู้คร่าวๆจากคุณหนุ่ยว่าโครงการพอแล้วดี The Creator นั้น เป็นโครงการที่นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้มาทำให้เห็นจริง โดยเหล่า Creator นี้จะต้องเป็นตัวอย่างของการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้แล้วได้ผลดี เป็นที่น่าพอใจเพื่อให้คนอื่นๆเห็นคล้อยตามมายึดแนวทางนี้ในการประกอบสัมมาอาชีพ ซึ่งคุณหนุ่ยอยากให้ตนเองเอาความรู้เรื่องการตลาดมาเล่าเพื่อเป็นไอเดียในการปรับใช้ร่วมกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ Creator แต่ละท่านสามารถเลือกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นรูปธรรมได้ ซึ่งจุดนั้นเองที่ทำให้คุณท๊อปคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธการเข้าร่วมเป็น Trainer ให้กับโครงการนี้ เพราะถือว่าเป็นการเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องดีๆ
ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่ทำงานด้านการตลาดมาเกือบ 30 ปี ซึ่งคุณท๊อปเองในฐานะนักการตลาดก็มักจะได้รับโจทย์จากองค์กร หรือบริษัทต่างๆในการทำการตลาดเพื่อที่จะทำให้ที่จะทำให้สินค้า หรือบริการที่รับผิดชอบอยู่นั้น เติบโต สร้างผลกำไร และเป็นที่รู้จัก ซึ่งในยุคแรกๆของการทำงาน หน่วยงานธุรกิจเหล่านี้ก็มองเห็นเรื่องการทำอะไรเพื่อสังคมเป็นเรื่องท้ายๆ ดังนั้นงานจำพวกนี้จึงไม่ค่อยเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของนักการตลาด แต่ระยะหลังๆ ธุรกิจเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่ได้สนใจแต่เพียงตัวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสินค้าและบริการ รวมไปถึงภาพลักษณ์ขององค์กรฯ บริษัทนั้นๆ ว่าเป็นคนดีหรือไม่ ส่งผลกระทบทำลายสังคม และสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วต่อให้ตัวสินค้าหรือบริการจะมีคุณภาพดี ราคาถูก หรือเป็นที่รู้จักแค่ไหน ผู้บริโภคในยุคหลังๆนี้ก็ไม่ให้การสนับสนุน ดังนั้นรูปแบบงานด้านการตลาด และบทบาทในฐานะนักตลาดในช่วงหลังๆจึงมักจะเริ่มโฟกัสในเรื่องการทำเพื่อสังคมควบคู่กันไปด้วยเสมอ ก็อย่างที่บอกไปพอเราต้องทำเรื่องการตลาดโดยต้องตระหนักถึงโจทย์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วยก็ทำให้เรามีประสบการณ์ความรู้ในส่วนนี้ ซึ่งสามารถนำมาแบ่งปันให้กับเหล่า Creator เพื่อนำไปเป็นตัวอย่างในการประยุกต์ใช้กับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ตรงซะทีเดียวแต่ก็เชื่อว่าตัวอย่างจากชีวิตจริงก็น่าจะพอทำให้พวกเขาได้เห็นภาพและได้ไอเดียไปบ้างไม่มากก็น้อย
ในตอนแรกที่คุณท๊อปเข้ามา Workshop ก็คิดว่าคงเหมือนกับการบรรยายเรื่องการตลาดเหมือนที่ตนเคยทำมาตลอด แต่พอได้มาเจอเหล่า Creator จริงๆ มันต่างจากที่คิดไว้เลย เพราะเหล่า Creator ทุกคนนั้นเป็นคนที่รู้ตนเอง รู้ในสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ มีความมุ่งมั่น ความกล้า และความชัดเจน พอได้ฟังสิ่งที่พวกเขาเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายได้เรียนรู้จากพวกเขา ณ เวลานั้นทำให้คุณท๊อปต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่าควรจะเอาอะไรมาแบ่งปันพวกเขาดี และอะไรที่จะเกิดประโยชน์แก่พวกเขา และสามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งคุณท๊อปก็ได้คำตอบว่าจะพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจในเรื่องความหมายที่แท้จริงของการตลาด เพราะคิดว่าถ้าเขาเข้าใจมันจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็สามารถนำเรื่องการตลาดไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้จริง เป็นรูปธรรมและสิ่งนั้นคงคือเรื่องที่คุณท๊อปสามารถทำได้ดีที่สุดในฐานะของ Trainer ในโครงการพอแล้วดีนี้
คุณท๊อปยังกล่าวอีกว่าอยากให้สังคมจับตาเฝ้ามองกลุ่มคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่เราเรียกพวกเขาว่า The Creator แล้วสังคมจะได้เห็นถึงตัวอย่างที่ดีในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการประกอบสัมมาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่าความรู้ความเข้าใจเพียงอย่างเดียวไม่สามารถพาเราไปถึงไหนได้ ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำเชกเช่นเดียวกับคนกลุ่มนี้ที่ไม่รีรอที่จะลงมือทำ แต่เลือกลงมือทำด้วยความเชื่อมั่นและเข้าใจในหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณท๊อปอยากให้สังคมเข้าใจและมองเห็นจากโครงการพอแล้วดี The Creator
ในปัจจุบันความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีองค์ความรู้อะไรประกอบเลยนั้น ยากที่จะพาธุรกิจไปถึงเป้าหมายได้ ซึ่งโครงการพอแล้วดี The Creator เป็นโครงการที่มุ่งมั่นที่จะนำคนที่มีความเชื่อมั่นในเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเสริมสร้างความรู้ เพิ่มทักษะเพื่อให้พร้อมที่จะนำพาธุรกิจของเขาไปสู่เป้าหมายตามที่พวกเขาได้ตั้งใจไว้ และเหล่า Creator นี้แหละที่จะเป็นทั้งตัวอย่างที่ดี และทำให้เกิดการนำแนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติตามได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น อย่างถูกทิศถูกทาง และมีความรู้ความเข้าใจ อีกทั้งพวกเขาก็จะเป็น Trainer ให้กับคนอื่นๆที่มีแนวความคิดอย่างเดียวกันต่อๆไปอีกด้วย และโครงการพอแล้วดี The Creator ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแนวความคิดที่ดี เกิดจากคนที่ดี การสนับสนุนที่ดี และเป็นโครงการสำหรับคนที่ดี ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่โครงการนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่โครงการนี้น่าจะเพิ่มเติมเพื่อการต่อยอดนั้น น่าจะเป็นการทำเรื่อง Knowledge Sharing เพราะเป็นสิ่งที่เหล่า Trainer ทั้งหลายนำมาแบ่งปันตลอดระยะเวลาที่ทำ Workshop กับกลุ่ม The Creator ทั้ง 13คน โดยความรู้บวกกับประสบการณ์ที่เหล่า Creator นำมาแบ่งปันกันนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ทั้งสิ้นถ้าข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์เหล่านี้ได้ถูกนำเสนอไปในวงกว้างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นก็ถือได้ว่าเป็นการต่อยอดที่ดีในสังคม
โดยปกติเรามักจะเห็นตัวอย่างในเรื่องของ ‘ความพอเพียง’ จากเรื่องเกษตรกรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจไปในทิศทางนั้น ซึ่งในโครงการพอแล้วดี The Creator สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความพอเพียงนั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวพันกับการเกษตรเท่านั้นถึงจะทำได้ และประสบความสำเร็จ ซึ่งตนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆเป็นตัวอย่างให้แก่สังคม จนท้ายที่สุดทัศนคติในเรื่อง ‘ความพอเพียง’ ก็จะเปลี่ยนไป
คำว่า ‘พอ’ สำหรับคุณท๊อป หมายถึง ‘ความพอใจ’ ซึ่งความพอใจของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ที่สำคัญแต่ละคนรู้ตัวเองหรือเปล่าว่าเราพอใจแล้วหรือยัง เพราะทุกคนล้วนใช้ชีวิตกันอย่างตะบี้ตะบัน โดยไม่มีเวลากลับมาพิจารณากันจริงๆว่า เราพอใจกับชีวิตเราไหม ซึ่งหากมีเวลาทบทวนกันจริงๆจังๆ เราอาจจะพบว่าเราเลยจุดนั้นมาตั้งนานแล้วก็ได้เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง เราทำเพราะเรารู้สึกว่าต้องทำ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้ตัวว่าถึงจุดนี้จุดที่เราพอใจแล้วนั่นล่ะคำว่า ‘พอ’ ในความคิดของผม โดยคุณท๊อปได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ตอนตนฟังพระพยอมเทศน์ให้ฟังว่า ถ้าเรามัวแต่ไปถามหาว่าทำดีแล้วเมื่อไหร่จะได้ดีซะที แกว่าเหนื่อยเปล่า แกให้เราจำไว้ว่า “ทำดี ดี ทำชั่ว ชั่ว” คือพอเราทำดีแล้วความดีนั้นก็บังเกิดขึ้นทันที และพอทำชั่วเมื่อไหร่ก็ชั่วทันที ฉะนั้นมุมมองของคุณท๊อปในเรื่องความดีนั้นจึงเป็นแบบที่ไม่ใช่ว่าพอทำอะไรดีๆแล้วก็เฝ้ารอว่าให้เกิดเรื่องดีๆขึ้นกับเรา แต่จะเป็นว่าเราทำอะไรที่คิดว่าดีนั่นล่ะดีแล้ว
‘พอแล้วดี’ สำหรับผมจึงมีความหมายว่า เมื่อเราได้พิจารณาอย่างจริงจัง อย่างมีสติ อย่างเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งที่เราทำๆกันอยู่นี้ เราพอใจแล้ว ซึ่งถ้าถึงจุดที่เราพอใจแล้วนั่นล่ะคือดี อาจจะไม่ใช่จุดพอใจของใครอื่น อาจไม่ใช่ดีของใครต่อใครแต่มันคือของเรา แล้วเมื่อเราเป็นอย่างนั้น อย่างพอแล้วดี เราจะรู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่เราจะทำอะไรต่อๆไปนั้นเราไม่ได้ทำเพื่อเราอีกแล้ว แต่จะเป็นการทำเพื่อคนอื่นๆ และเป็นการทำโดยไม่หวังผลตอบแทนกลับมา นี่แหละคือสิ่งที่คุณท๊อปเรียกว่า ‘พอแล้วดี’