ตอนนี้หน้ากากเฟซชิลด์ เราจะชนะ! ผลิตและแจกจ่ายไปยังทีมแพทย์ทั่วประเทศแล้วนับหมื่นชิ้น จากวันแรกๆ เขาใช้งบประมาณส่วนตัวอย่างเดียว ทุกวันนี้มีเพื่อนๆ พี่น้อง และอีกหลายคนมาช่วยบริจาคเงินสมทบทุนผลิต เพื่อส่ง Face Shield ไปให้ทีมแพทย์ตามพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะโรงพยาบาลแถวตะเข็บชายแดน เพราะนอกจากแพทย์ด่านหน้าที่ต้องรับมือกับโรค COVID-19 แล้ว บุคลากรการแพทย์ในแขนงอื่นๆ อย่างทันตแพทย์ที่ต้องรับน้ำลายและเลือดของคนไข้ตลอดเวลาก็ล้วนมีความเสี่ยงเช่นกัน ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ ต่าย – ภัทราคุณวัฒน์พอแล้วดี The Creator รุ่น 2 ได้ริเริ่มและลงมือทำอย่างจริงจังเปลี่ยนโมเดลนิดหน่อย จากปกป้องบรรจุภัณฑ์ มาปกป้องทีมแพทย์ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อช่วยป้องกันใบหน้าของผู้สวมใส่จากสารคัดหลั่ง มันจึงเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ แต่ที่สำคัญธุรกิจหลักของเขาละ ชนะเหมือนหน้ากากหรือไม่?

ทำไมถึงลุกขึ้นมาช่วยเหลือสังคมแล้วทำอย่างรู้จักตนเองมีเหตุมีผลและมีภูมิคุ้มกันขนาดไหน?
ตอนแรกเลยตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ตอนนั้นอยู่ในภาวะที่ทำอะไรไม่ถูก กระแสก็เริ่มเข้า เพื่อนก็เข้ามาบ่นเยอะแยะไปหมดว่า เจอนั่นนี่ แล้วเราก็โดนลูกค้าเลื่อนงาน ปฏิเสธงานตลอด คิดในทางกลับกันว่า ถ้าเรามากังวลกับปัญหามันก็ช่วยอะไรไม่ได้ คือ สิ่งแรกเลยที่คิดออกตอนนั้น คือ ทำตัวให้เบาที่สุด พี่ขายบ้านได้ตอนปลายเดือนมกราคมหรือต้นกุมภาพันธ์ ดีใจมาก มีบ้านอีกหลังซึ่งไม่ได้อยู่ ย้ายออกมาตั้ง 4 ปีแล้ว ตอนแรกว่า จะปล่อยเช่า แต่ก็ปล่อยเช่าไม่ได้สักที พอเริ่มมีวิกฤติก็ขายบ้าน ยอมขายขาดทุน เพื่อที่จะตัดเลือดที่ไหลออก แล้วมีรถ 3 คันก็เอาไปขายคันนึง เพราะคิดว่า มันเป็นภาระเกินไป คือเริ่มทำตัวให้เบา
แล้วหลังจากนั้น ก็เดินวนๆ ดูในโกดัง ลังอะไรเกะกะ อันนี้ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงิน คือถ้าลังนี่พี่เคลียร์ออกไป จะได้พื้นที่เยอะเลย เพราะลังสูงท่วมห้อง งั้นใครจะบริจาคของไปโรงพยาบาลกล่องอะคริลิกใหญ่ๆ ก็เลยเทให้เขา ซึ่งรู้จักตนตอนนั้นว่า เราช่วยเหลือสังคมได้ หรือทำอะไรลดภาระให้คนอื่นได้ มันน่าจะดี รวมไปถึงตอนที่เริ่มทำเฟซชิลด์ที่ไปช่วยโครงการของนิวยอร์ก อยู่ๆ เข้ามาการส่ง SOS ในเพจที่เป็นสมาชิกอยู่ แล้ว ณ วันนั้น ด้วยความที่กำลังมึนงงอยู่ เครื่องจักรก็ไม่ได้ทำงาน พนักงานก็กำลังเสียความมั่นคง คือ ลูกค้าโทรมาเลื่อนงาน ผลัดผ่อนการชำระเงิน ก็เริ่มแบบ เฮ้ย…แล้วเราจะรอดหรอ ตอนแรกก็เอาที่ว่า เราทำอะไรก็ทำ ทำให้มันเกิดงานขึ้นมา ตอนแรกถามว่า คิดจะช่วยเหลือสังคมอะไรขนาดนั้นไหม ด้วยกำลังเราก็ไม่ใช่หมอ ทำอะไรได้ก็ทำ บริจาคลังได้ ก็บริจาค เราก็เริ่มไปคุยกับซัพพลายเออร์ของเราเองว่า จะร่วมกับเราไหม พิมพ์โบว์ชัวร์วิธีการช่วยเหลือคนไข้ได้ไหม มาช่วยกัน พอพี่บริจาคลังเสร็จ ก็เริ่มไปถามซัพพลายเออร์ เฮียมีกระดาษเหลืออยู่ในสต็อกไหม ขึ้นรูปลังให้หน่อย เอาเศษกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้วหรือเป็นเดธสต็อก ก็มาช่วยกันผลิตมา อันนี้คือ คิดว่าทำไรได้ก็ทำ เฟืองตัวน้อยก็ทำให้ระบบขับเคลื่อนต่อไปได้

การที่คุณมาทำเฟซชิลด์สามารถเล่าให้เราฟังได้ได้ไหมว่าในความที่คุณมีความสามารถในการออกแบบคุณได้ปรับมันอย่างไรขั้นตอนกระบวนการของโครงการนี้
ครั้งแรกเลย พอเราไปตัดทดสอบงานให้เขา แล้วปรากฏว่า มันใช้ไม่ได้เลยสักอัน เราก็เลยถามมาว่า เขาจะทำมาทำงาน เขาก็บอกว่า เขาเป็นงานวิจัยของโคลัมเบีย อินโนเวชั่น เวนเจอร์ เป็นงานวิจัยชุดแรก ด้วยความที่เราเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์มา ก็มีความรู้เรื่องสัดส่วนของคน แล้วพี่มีแบ็กกราวด์คือ เติบโตในครอบครัวคนวงการแพทย์ มีคุณพ่อ คุณลุง คุณน้า คุณอา เป็นหมอ เป็นพยาบาล รอบตัวพี่มีหมอ พยาบาลเป็น 10 คนเลย ดังนั้น การใช้งานของอุปกรณ์การแพทย์ พี่เข้าใจ ก็เลยเริ่มว่า เราช่วยเขาแล้วกัน ใช้วิธีเขาเขียนไฟล์มา เราตัด คอมเมนต์กลับ เสร็จแล้วเราก็หาข้อมูลสัดส่วนต้องแบบนี้ หมอบอกว่า ระยะปลอดภัยเท่านี้ ต้องโปรเท็คต์ระดับนี้ คุยกับเขาอยู่สองสัปดาห์ แล้วพอใกล้จะปิดแบบ พี่รู้สึกว่า ทักษะเรายังน่าจะทำงานพลาสติกได้ ไม่เก่งพอในการตัด พี่ก็เลยขอความช่วยเหลือเพื่อนญี่ปุ่น ที่เขาอยู่เมืองคุรุเมะ ใกล้ๆ กับฟุกูโอกะ ที่เกาะคิวชู ที่เขาเห็นตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า พี่ทำอันนี้อยู่ตั้งแต่ครั้งแรกเลย เพราะเขาก็เป็นเมมเบอร์อยู่ในเพจนี้เหมือนกัน แล้วพอดีติดเรื่องกฎหมายกับทางมหาวิทยาลัย เอาอย่างนี้ก็แยกย้ายไปปิดแบบแล้วกัน ญี่ปุ่นจะปิดอย่างไร ไทยจะปิดอย่างไร นิวยอร์กจะปิดอย่างไร จะได้ไม่มีปัญหา เพราะว่าด้วยความที่ทางโน้นเขาขอทุนมหาวิทยาลัย เขาก็บอกว่าห้ามทำเชิงพาณิชย์ คือ ครั้งแรกที่ช่วยก็ไม่ได้จะขายเฟซชิลด์ แต่เผอิญสามีพี่บอกว่า ลูกน้องเราก็ต้องกินข้าว มีคนที่อยู่ข้างหลังที่เราจะต้องดูแลอีกเป็น 10 ชีวิต อย่างพนักงานพี่คนหนึ่ง อายุ 25 ปี เพิ่งซื้อบ้าน แล้วเป็นกำลังหลักของครอบครัว ก็เลยไม่ใช่ว่า เราเอาตัวรอดตัวคนเดียวได้ เราก็ต้องมีสวัสดิการโดยที่ไม่ลดทอนเงินเดือนเขา ก็คือ พอทำเฟซชิลด์ขึ้นมาขาย น้องๆ ก็มีกำลังใจว่า อย่างน้อยเราขายกล่องไม่ได้ เพราะห้างปิด เราก็ยังมีตัวนี้มาช่วย เป็นภูมิคุ้มกันส่วนหนึ่งที่ว่า ให้ธุรกิจเดินต่อได้ แม้มันจะไม่ได้เยอะมากมายเหมือนสมัยเราขายกล่องเข้าห้าง แต่ว่ามันก็พอเป็นน้ำเลี้ยงให้น้องๆ มีกำลังใจกัน ทุกคนก็มาช่วยกันแพ็ค ช่วยในงานที่ไม่ค่อยถนัด แต่ก็พอทำได้ คนหนึ่งนั่งตัดยางยืด คนหนึ่งแพ็คพลาสติก

แล้วในห่วงของภูมิคุ้มกันคุณมองว่าการลุกขึ้นมาทำเฟซชิลด์ได้มีภูมิคุ้มกันอะไรกับแบรนด์ของคุณไหม?
ส่วนหนึ่งลูกค้าก็ให้ความสนับสนุน เพราะพอเราทำเฟซชิลด์ ด้วยความที่ไม่ได้จำกัดแค่เครื่องมือแพทย์หรืออุปกรณ์ป้องกันในสถานพยาบาล เนื่องจากใส่ได้นาน เราออกแบบดี หายใจได้คล่อง ก็มีลูกค้าซื้อไปใส่ในองค์กรด้วย (ก็กลายเป็นอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันได้) ใช่ เขาก็บอกว่า บางทีเขาตรวจตลาด หรือว่าไปขายของ หรือมีพนักงานหน้าร้าน เขาก็มาอุดหนุน ลูกค้าพอเขาเห็นว่าเราทำ เขาจะซื้อไปบริจาคโรงพยาบาล เราก็ขายในราคาที่ทุกคนจับได้ คือเราอยู่ได้ ลูกค้าอยู่ได้ และแฮปปี้ที่ทุกคนจะใช้กัน แล้ววัสดุเราดีกว่าทั่วไป เพราะว่าเราใส่ใจในรานละเอียดตั้งแต่ต้น ไม่ได้แค่เป็นงานทำสุกเอาเผากินให้ออกมาได้กำไร

การที่คุณลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการที่เป็นโรงพิมพ์ผลิตกล่องทำดิสเพลย์แล้วปรับเป็นเฟซชิลด์ไหนจะต้องมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมทำไมถึงไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วพอเข้ามาทำแล้วคุณเห็นอะไรที่ได้เป็นการเรียนรู้?
ถ้าคิดไปถึง Core Value ของแพ็กเกจจิ้ง มันคือสิ่งที่ บางกอกแพ็กทำมาตลอด มันคือการปกป้อง แต่ไม่ใช่ความสวยงาม เราไม่ได้เน้นกราฟฟิก ทำให้คนจำแบรนด์ได้ คือสิ่งที่เราทำ ทำเพื่อการปกป้องเสมอ คือจะว่าไปถึงเวลาที่ทำโครงสร้าง ฐานกระเช้า คือ เราปกป้องให้ถึงที่หมาย ของปลอดภัย จะว่าไปหลักการก็เหมือนกัน เราแค่ปกป้องคนคนหนึ่งในเขาปลอดภัย จากบ้านไปที่ทำงาน จากที่ทำงานกลับมาบ้าน คือ หลักการมันเหมือนเดิม การที่พี่บริจาคลังให้เขาใส่อะคริลิก พี่ก็คิดว่า วันนั้นพี่เสนอตัวไปให้น้องที่ทำกล่องอะคริลิกเอง คุณดีไซน์กล่องอะคริลิกแล้วจะส่งอย่างไร น้องเขาบอกว่าทำบับเบิล ถ้ามันตกหรือกระแทกนิดเดียวมันก็แตกสิ เพราะบับเบิลไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็เลยเสนอตัวว่า พี่มีลังไซส์นี้เอาไหม วันนั้นถ้าคุณตามจะเห็นว่า เราหารถช่วยขน และคนมายก เพราะว่าลังมันใหญ่มาก ต้องเต็มรถสิบล้อคันหนึ่ง

การเป็นพอแล้วดีช่วยทำให้เราดีลกับสถานการณ์โควิดได้อย่างไร?
อย่างแรกเลยคือ เราไม่ฉวยโอกาสในภาวะที่คนเขาเดือดร้อน ตอนแรกที่พี่ยังไม่คิดอะไร ยังไม่ได้บริจาคอะไร คือพี่มีแอลกอฮอล์ 90% อยู่ เป็นตัวที่เอาไว้ล้างหัวเครื่องจักร เป็นแอลกอฮอล์ฟู๊ดเกรด สิ่งแรกเลยคือ พี่ผสมใส่ขวด แล้วแจกลูกค้า คือพี่ไปหาลูกค้า ทุกคนบอกว่าแอลกอฮอล์หายากมาก แต่พี่เดินไปหาลูกค้า คือเราต้องดูแลเหมือนที่ในวันที่เขาดูแลเรา เขานึกถึงเรา เราก็นึกถึงเขา เขาต้องหาแอลกอฮอล์แน่เลย เราก็เดินไปแจก ใส่ขวดน้ำเล็กๆ แจกไปทั่วเลย อย่างน้อยมันได้ปกป้องให้เขาปลอดภัย การเป็นพอแล้วดี อย่างแรกเลยคือเราไม่ละโมบ แล้วเราก็ตัดในส่วนที่มันเป็นเลือดที่จะไหลทิ้งไปก่อน เพราะภาวะอย่างนี้ตัวต้องเบา

มันทำให้พี่ต่ายมีวิธีคิดในวิธีการจัดการต่างๆของปัญหาที่เข้ามาในสภาวะวิกฤตินี้ได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเหมือนกับว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็นในชีวิต?
ใช่ มีสติมากขึ้น อย่างที่คุยกับแฟน ตอนขายบ้านก็คิดหนักนะ พี่ขายขาดทุน ขายต่ำจากราคาปกติ 30% คือจริงๆ พี่ซื้อมาราคานี้ แล้วรีโนเวดไปราคานี้ แล้วก็ลดราคาลง 30% จากที่ควรจะเป็น เพื่อที่จะปล่อยได้เร็วที่สุด คือ แฟนบอกว่า การปล่อยตอนนี้มันช่วยรักษาปัจจุบันของเราที่ไม่ต้องผ่อนต่อเดือน เพราะถ้าคิดเป็นปัจจุบันตอนนั้นมันเยอะ แต่ถ้าเราถือต่อมันก็ยิ่งหนัก ก็ยิ่งเป็นภาระ

วิธีในการปรับตัวแล้วปรับธุรกิจในระยะยาวของธุรกิจมองว่าอย่างไร?
ที่มองไว้ว่า แต่ก่อนพี่เคยออกงาน แล้วมีลูกค้าบอกว่า เดี๋ยวนี้เขาทำ Paperless สิ่งที่คุณทำคือขยะ คำนี้พี่ทรุดเลยนะ คือคำนี้มันติดอยู่ในหัวตลอด พี่ก็ได้ถามผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง เป็นเหมือนเซนเซโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ที่เกียวโต เขาก็ตอบว่า โลกก็ยังมีชั้นบรรยากาศปกป้อง คนก็ยังมีผิวหนัง ผลไม้ก็ยังต้องมีเปลือก นั่นแหละคือหน้าที่ที่แท้จริงของบรรภัณฑ์ พี่ขนลุกซู่ เซนเซเขาตอบมาอย่างนี้ โลกยังต้องมีชั้นบรรยากาศ เพื่อปกป้องไม่ให้อุกาบาตเข้ามาชน เราก็คิดว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระ ในอนาคตพี่จะไม่สร้างภาระทางด้านบรรจุภัณฑ์ให้กับลูกค้า ผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์ของเราอาจจะต้องรีไซเคิลได้ 100% หรือลดชิ้นส่วนให้น้อยที่สุด หรืออาจจะทำตัวเป็นพาร์ทเนอร์ของลูกค้ามากขึ้น เช่น ลูกค้าไม่ต้องสต็อกแพ็กเก็จจิ้ง แล้วเราช่วยเขาผลิตแพ็กเก็จจิ้งเร็วขึ้น แล้วก็ขายร่วมกัน (อันนี้ทำอย่างไร) อันนี้คล้ายกับว่าเป็นตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ (คือเหมือนกับว่าเป็นบรรจุภัณฑ์พร้อมแล้ว ไม่ต้องมาสั่งคัสตอม) ใช่ๆ หรือว่า อีกอย่างหนึ่งคือ อย่างเช่นว่า แต่ก่อนลูกค้าจะต้องมาสั่งออเดอร์เอง บรรจุภัณฑ์ 1,000 กล่อง ก็มาเก็บสต็อก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไร ซึ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งโควิดมากระตุ้นให้ออนไลน์มันเร็วขึ้น ลูกค้าไม่จำเป็นจะต้องมีบรรจุภัณฑ์ก่อน เราสามารถนำมาดีเวอลอป แล้วมาทำพรีออร์เดอร์ เคยขายส่งได้เท่าไร บรรจุภัณฑ์เดี๋ยวเราจัดการ แล้วเราก็เป็นพาร์ทเนอร์เขาไป อันนี้เรามั่นใจว่าจะช่วย SME ทั่วประเทศได้ เพราะว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา พี่เป็นอาจารย์ให้กับ Toyota Art Camp พี่ก็มีลิสต์ของผู้ประกอบการทั่วประเทศ ที่เขาอยากขายของ แล้วไม่รู้ว่าจะขายยังไง เดิมเรามีประสบการณ์ที่เราดีลกับห้าง เราทำแคมเปญโปรโมชัน เรารู้ว่าจะทำอย่างไรให้ขาย เราอาจจะมีทักษะตัวนี้มาช่วยเขามากขึ้น ซึ่งจริงๆ ของดีทั่วประเทศมันเยอะมาก แต่ทุกวันนี้เขาถูกบีบด้วยต้นทุน หรือการที่จะต้องผูกขาดกับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ทำเป็นเอ็กซ์คลูซีฟอย่างเดียว ซึ่งเขาก็แทบไม่มีตัวตนเลย เอาไปขายเอ็กซ์คลูซีฟให้ห้างนี้เป็นของสวยๆ มันเป็นพันธะสัญญาของการทำผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตก็ยังถูกกดราคาเหมือนเดิม ที่ได้กำไรคือคนขาย
คุณมองว่าวิกฤตครั้งนี้สมดุลของการช่วยเหลือสังคมกับการทำธุรกิจคืออะไร?
ส่วนหนึ่งในการทำเฟซชิลด์อันนี้ก็ทำให้คนที่ไม่รู้จักเรามารู้จักเรามากขึ้น แล้วถ้าถามว่าสมดุล ธุรกิจมันต้องอยู่รอดได้ด้วยกำไร ที่สามารถบริหารจัดการหมุนให้ Fixed Cost ต่างๆ ที่เรามีอยู่ในมือ มันดำเนินการต่อไปได้ ถามว่าเฟซฟิลด์มันหล่อเลี้ยงธุรกิจ… มันอาจจะเป็นบันไดทำให้เราไปรู้จักคนต่างๆ ว่า เรามีแนวคิดแบบนี้ เขามีบรรจุภัณฑ์ให้เราแก้ปัญหาไหม เพราะว่าหน้าที่ของเรา บางเราไปจัดการบรรจุภัณฑ์ของเขาให้ลดต้นทุน การใช้วัสดุที่สิ้นเปลืองให้เขาได้ด้วย มองว่ามันเหมือนกับการเป็นบันไดอย่างหนึ่งที่เราที่ทำให้เรารู้จักคนได้กว้างขึ้น แล้วมีลูกค้าจิตใจดีงามเข้ามาหาเราเยอะขึ้น เพราะเขาเห็นในสิ่งที่เราทำ หมายถึงว่า เฟซชิลด์ทำให้เรารู้จักคนเยอะขึ้น พี่รู้จักสถานพยาบาลเกือบทั่วประเทศ อีกอย่างมันก็เป็นภูมิคุ้มกันที่ว่า เราเป็นธุรกิจที่ไม่เน้นได้แสวงหาผลกำไรมากมายอะไร เขาเห็นว่าผลิตภัณฑ์เราดี ฟีดแบ็กที่ได้มาจากคนที่รับเฟซชิลด์ไป แล้วเขาก็จะบอกว่า มันใส่สบายมาก ไม่อึดอัดจนต้องถอด แค่คำชมเล็กๆ ได้มากทุกวัน ไม่น่าเชื่อว่าใส่แล้วไม่อึดอันได้ขนาดนี้ เพราะว่าปกติการใส่เฟซชิลด์มันเหมือนมีอะไรมาบังหน้า เหมือนเราใส่แมสก์อย่างนี้ มันหายใจไม่สะดวก แต่ด้วยความที่เราใส่ใจในรายละเอียด มันทำให้เข้าใจ พี่จะสอนน้องๆ เสมอว่า เราจะต้องละเอียดมากกว่าลูกค้า มันเข้าไปอยู่ในผลิตภัณฑ์ของเรา โดยผลตอบรับที่ทุกคนได้รับมา เขาแฮปปี้กับการใช้งานผลิตภัณฑ์
สนใจสั่งซื้อเฟซชิลด์ได้ที่
https://www.facebook.com/Bangkokpack101/